วันพฤหัสบดีที่ 10 มีนาคม พ.ศ. 2559

เสียงจากประชาชน..รัฐคืนความสุขให้ใคร??


 เหตุการณ์เริ่มคลี่หลายว่ากรณีเรื่องรถหรูของสมเด็จวัดปากน้ำที่ประโคมเป็นข่าวกระฉ่อนเมืองนั้น ท่านไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆทั้งสิ้น  และจากภาพที่เคยปั่นกระแสผ่านสื่อsocialเป็นภาพรถเบนซ์ใหม่ป้ายแดงหลายคัน  ที่จอดเรียงอยู่ในเจดีย์มหารัชมังคลาจารย์ของสมเด็จวัดปากน้ำว่าท่านสะสมรถหรูมีราคาแพงไว้มากมาย
    
เมื่อถูกชาวพุทธฯเปิดเผยขุดคุ้ยความจริงมากๆเข้า ก็มาถูกเปิดเผยทีหลังว่าเป็นภาพตัดต่อใส่ร้าย รถเบนซ์ที่เห็นในภาพไม่จริง!!!จากบรรดาผู้มีดวงปัญญาที่ไม่ถูกอวิชชาครอบงำได้พากันเดินทางไปพิสูจน์ด้วยตนเอง แล้วแชทแชร์สู่สาธารณะว่าไม่มีซักคันรถตามในภาพ  เห็นมีแต่รถโบราณที่จอดไว้ไม่ได้ใช้งานอยู่ในพิพิธภัณฑ์เพื่อให้เป็นที่ศึกษาเรียนรู้เกี่ยวกับรถโบราณ
Image result for ภาพรถหรูสมเด็จช่วง
แต่เรื่องยังไม่จบแค่นี้ค่ะคุณสำหรับผู้มีรสนิยมในการสร้างความชั่วแบบทุ่มเทแบบเอาชีวิตเป็นเดิมพัน  ก็มีภาพและข่าวออกมาอีกระลอกว่ารถที่จอดนิ่งสงบให้เป็นวิทยาทานแก่คนที่มาศึกษานั้นมีเงื่อนงำที่มาที่ไปไม่โปร่งใสด้วยประการทั้งปวง  และคนที่ต้องรับความผิดนี้คือ ว่าที่สมเด็จพระสังฆราชองค์ใหม่ หรือสมเด็จวัดปากน้ำนั่นเอง
Image result for ภาพ สมเด็จช่วง    

สมเด็จวัดปากน้ำในวัยที่ท่านบวชมาได้ 77 พรรษา ท่านไม่ได้ออกมาตอบโต้อะไร  เพียงแต่พูดกับลูกศิษย์ลูกหาและคนสนิทว่า 
"อย่าไปทำอะไร อย่าไปเอาเรื่องเขา ปล่อยเขาพูดไป"

คุณคิดว่าพวกคนชั่วบาป ที่กำลังสร้างกระแสประจุด้านลบระดับเลวร้ายแบบสุดติ่งจะซาบซึ้งมั๊ยคะ  ถึงคุณธรรมความดีงามของท่าน เมื่อเห็นท่านไม่โต้ตอบอะไรกลับจะยิ่งเหิมเกริมหนัก
   

พากันประโคมข่าวจะให้ท่านผิดให้ได้ แม้มีขั้นตอนทางกฎหมายระบุชัดถึงรถโบราณที่มีการนำมาถวายให้สมเด็จวัดปากน้ำโดยสรุปจากรูปคดีที่ตรวจสอบ    ดังกล่าวมีข้อสังเกตว่า กรณีรถหรูลักษณะเดียวกันนี้มีถึงกว่า 6,000 คันทั่วประเทศ แต่ดูว่าจะสนใจโฟกัสที่รถหรูที่ใช้แสดงในพิพิธภัณฑ์ที่วัดปากน้ำนี้เท่านั้นคันอื่นไม่รีบร้อน  ต้องเฉพาะ!!! ที่วัดปากน้ำเท่านั้นที่รีบด่วนและดูร้ายแรงที่สุด
   
หลังจากความจริงถูกขุดคุ้ยมากขึ้น  ด้วยสื่อSocialจากประชาชนที่ไม่ได้มีอาชีพขายข่าวทำมาหากิน  ก็ปรากฎว่าเกิดข้ออ้างใหม่ถึงเหตุผลที่ไม่สามารถแต่งตั้งสมเด็จพระสังฆราชของเจ้าประคุณสมเด็จวัดปากน้ำขึ้นว่า "ท่านเป็นผู้ที่ถูกครหา เรื่องยังไม่กระจ่างเรียบร้อย การจะดำเนินการแต่งตั้งให้ท่านเป็นสมเด็จพระสังฆราชนั้นไม่อาจดำเนินการต่อได้"

ประชาชนชาวพุทธทั่วทั้งประเทศไทยงงรับประทานกันไปตามๆกัน  คนที่ไม่เคยถูกครหานินทาว่าร้ายมีด้วยเหรอคะในโลกใบนี้  ในเมื่อบ้านเมืองของเรามีทั้งคนดี และคนไม่ดีปะปนกันไป  เป็นอย่างนี้มาช้านานหลายยุคหลายสมัย  เรื่องใส่ร้ายป้ายสีบุคคลระดับสมเด็จไม่ใช่เรื่องใหม่ เคยเกิดขึ้นมาแล้วในสังคมไทยเรา ทำไมไม่รู้จักศึกษาจากประวัติศาสตร์ของประเทศไทยเพื่อนำมาพัฒนาต่อยอดสู่ปัจจุบัน กลับปล่อยให้คนชั่วเหิมเกริมใส่ร้ายพระเถระผู้เป็นที่เคารพรักของชาวพุทธทั่วประเทศซ้ำแล้วซ้ำเล่า เหมือนเป็นการเหยียบย่ำหัวใจของคนไทยกันเองแบบไม่เกรงอกเกรงใจ

 "ความสุข" เริ่มหดหายไปจากใจและจิตวิญญาณของชาวพุทธไทยที่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ เมื่อพระเถระหลายรูปที่เป็นที่เคารพรักถูกเหยียบย่ำทำร้ายขาดความเคารพเกรงใจ
Image result for ภาพหัวใจสลาย
"ความสุขที่หายไป"นี้ เป็นคุณค่าทางใจที่ประเมินค่าไม่ได้เป็นตัวเงิน  จึงอยากขอถามว่า?? ที่ว่าจะคืนความสุขให้คนไทยนั้น จะคืนให้คนไทยกลุ่มไหนกัน หรือจะคืนให้กับคนกลุ่มแค่หยิบมือเดียวที่เป็นคนพาล คนกลุ่มนี้ไม่ได้มีน้อยแค่ปริมาณค่ะแต่คุณภาพก็ติดลบด้วย เพราะคนที่สามารถพูดจาว่าร้ายพระเถระผู้ใหญ่ได้ขนาดนี้นี่แสดงว่าจิตใจดำมืดแบบเกินจะเยียวยากันเลยทีเดียว  และมีเพียงไม่กี่เปอร์เซ็นต์ของประเทศ ในขณะที่ตอนนี้ชาวพุทธฯกว่า94% จิตใจแห้งแล้งปราศจากความสุข เพราะได้เห็นความอยุติธรรมเกิดขึ้นอย่างชัดเจนบนผืนแผ่นดินไทย
   

ขอธรรมของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
คุ้มครองแผ่นดินไทยจากภัยของคนพาล 
ขอให้ศาสนาพุทธ
เป็นศาสนาประจำโลกโดยเร็วพลัน

 





   

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น